ร้อยรักร้อยดวงใจ
ข้าเพียงสนใจสมุนไพรและการใช้พิษ เหตุไฉนจึงได้ฉายานาม ' นางมารหมื่นพิษ ' ไหนจะพวกจอมปราชญ์ที่ทำให้ข้ากลายเป็นทารกอีก โอ้วสวรรค์โหดร้ายเหลือคณา
ผู้เข้าชมรวม
13,846
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พรวนดินหว่านเมล็ด
เสียงกัมปนาทก้องสนั่นสะท้านปฐพี หนึ่งร่างเล็กวิ่งหนีสิบร่างใหญ่วิ่งตาม มือบางฟาดลมปราณใส่คนทั้งสิบ พวกเขามิยอมน้อยหน้าฟาดลมปราณโต้กลับ ตูม!!! ตูม!! ตูม!!! ปรากฏเสียงเช่นนี้อยู่ร่ำไป ผู้คนต่างแตกตื่นตกใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลายที่ชอบ เผือก เอ้ย! เฝ้ามองดูเรื่องชาวบ้านอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซะที่ไหนกันเล่า! นับว่าเป็นเรื่องบัดซบที่สุดของโคตรสุดในรอบปี
นางทำอะไรผิดนักหนา เพียงแค่ชมชอบสมุนไพรและการใช้พิษ เพียงแค่ทดสอบกับใครไม่กี่คน ดันได้ทั้งฉายาและถูกตามล่าโดยจอมปราชญ์แก่ๆ ในคราบหนุ่มหน้ามน ที่ใครเห็นเป็นต้องหน้าแดงปลั่งดั่งผลอิงเถา เว้นนางคนหนึ่งล่ะนะ-_- มู่ตานดรุณีน้อยร่างเล็กในอาภรณ์สีคราม วิ่งหลบคลื่นพลังพร้อมสบถคำหยาบคาย
“ ตามอยู่ได้! น่ารำคาญจริงโว้ย! ” เท้าเล็กก้าวทะยานพุ่งสู่หลังคาเรือนต่อหลังคาเรือน หลบหลีกว่องไวยิ่งกว่าสายจู๊ก ในเกมส์อาร์พีจี “ พวกตาแก่โง่เง่า! รังแกเด็ก! ”
“ หยุดนะ! นางมารหมื่นพิษ! ” เหล่าชายหนุ่มสวมฮู้ดนับสิบ ที่หญิงสาวกล่าวหาว่าแก่เมื่อครู่ รุกไล่ตามนางอย่างมิยอมแพ้ พร้อมตะโกนสั่งเสียงดัง “ มาให้พวกข้าลงโทษซะดีๆ ”
“ หยุดให้โง่สิ แบร่! ” ร่างเล็กหันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตา พลางหันกลับเกือบหลบกิ่งไม้ตรงหน้ามิทัน นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สิบจอมปราชญ์หน้าดำเคร่งเครียด พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จับนางมารหมื่นพิษมิทันแน่ มือหนานับสิบคู่ขยับไปมาราวกับร่ายคาถา ระหว่างนั้นมู่ตานกำลังกวาดสายตาแสนโกรธเคือง ใส่ผู้เยี่ยมยุทธจากที่ไกลๆ พวกจอมยุทธช่างแร้งน้ำใจยิ่ง ดูผู้ใหญ่รังแกเด็กอยู่ได้ จึงมิได้ลอบสังเกตสิบจอมปราชญ์ ครั้นเสียงสิบจอมปราชญ์ตะโกนก้อง ความซวยจึงบังเกิด “ อาคมกั้นเขตสมบูรณ์! ”
วิ้ง! ปัง! ตึง!
“ อ๊าก!!! ซวยแล้วไง! ” ใบหน้างามซีดเผือดแววตาฉายแววกังวลอย่างชัดเจน มู่ตานชะงักฝีเท้าหันไปเผชิญหน้ากับสิบจอมปราชญ์ “ พะ...พวกตาแก่ขี้โกง! ”
ฟู่! มือเล็กสาดผงพิษหลากสีหวังให้ถูกสิบจอมปราชญ์ แต่ลมเจ้ากรรมดันพัดมาทางตนเสียได้ ซวยกว่านี้คงมิมีอีกแล้วหมู่ตานเอ๋ย
“ แคกๆๆ!! ” นางไอโฮกฮากด้วยสำลักพิษ ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นดิ้นทุลนทุลาย มือบางคว้านหายาถอนพิษในอกเสื้อ ดวงตาจ้องเงาร่างนับสิบที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลุ้นละทึกยิ่งกว่าเจอเจสันในศุกร์สิบสามหรรษา ยิ่งรีบคว้านยิ่งหามิเจอ “ มะ...ไม่นร้าาาาาา ”
“ แอก! ”
ตูม!!!
เปรี๊ยะ!
เพล้ง!
สิบจอมปราชญ์ยังมิทันเข้าประชิด ตัวร่างเล็กบนหลังคา เกิดระเบิดเสียงกัมปนาทกว่าตอนแรกเป็นไหนๆ ทว่าพวกเขาเกือบหลบ พลังปราณอันมหาศาล ที่แผ่ออกมามิทัน อาคมกั้นเขตสมบูรณ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ควันโขมงลอยฟุ่งทั่วสถาน
บ้านเรือนหลายหลัง ณ บริเวณใกล้เคียงสลายเป็นผุยผง มินานควันดังกล่าวค่อยๆจางลง ปรากฏทารกในอาภรณ์สีครามตัวใหญ่เกินร่าง เงาร่างทั้งสิบตรงเข้าหาทารกอย่างระแวดระวัง ครั้นรอบๆร่างทารกมีเพลิงสีฟ้าเสมือนคอยปกป้อง พวกเขาจึงมิอาจเข้าใกล้ได้มากกว่านี้
‘ ไฟศักดิ์สิทธิ์ ’ สิบจอมปราชญ์เอ่ยในใจพร้อมกัน โดยมิได้นับหมาย
หนึ่งในสิบจึงเสนอความคิดดีๆขึ้นมา “ ข้าคิดว่าเราควรผนึกพลังปราณของนางไว้ พวกท่านมีความเห็นเช่นไร ”
“ อาวุฒิโสหนึ่งหากมิเป็นการผิดบาปย่อมดี ” จอมปราชญ์ที่เหลือล้วนเห็นด้วยกับวิธีการของอาวุฒิโสที่หนึ่ง
“ แต่ข้าคิดต่าง ” จอมยุทธถือไม้กระยาจกผู้หนึ่งเอ่ยขัดขึ้น น้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง “ ข้าคิดว่า...”
“ เรารีบผนึกปราณนางเถอะ ” หนึ่งในสิบจอมปราชญ์เอ่ยขึ้น พวกเขาไม่แม้จะสนใจเหลือบแลจอมยุทธตรงหน้า และเริ่มกางเขตอาคม แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย
“ เฮ้! เดี๋ยวสิ! ไม่ฟัง...” จอมยุทธถือไม้กระยาจกหวาดหวั่น ทันทีที่สบดวงตาหนึ่งในสิบจอมปราชญ์ พร้อมกับน้ำเสียงเยียบเย็น
“ เพลิงสีฟ้าคือไฟศักดิ์สิทธิ์ ข้าคงมิต้องบอกกระมั้ง ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์มันน่าหวาดหวั่นเพียงใด ” ว่าจบหันกลับทำพิธีต่อ จอมยุทธถือไม้กระยาจกนิ่งสนิท เริ่มถอยห่างไปไกลเรื่อยๆ เหล่าผู้เยี่ยมยุทธต่างหัวเราะเยาะมัน ที่อาจหาญต่อล้อต่อเถียงสิบจอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ยันต์หลายสิบแผ่นถูกวางลงพื้นรอบๆ วงเพลิงสีฟ้า แต่ห่างพอสมควรเพื่อป้องกันมิให้ เพลิงนั้นเผามันจนเป็นเถ้าถ่าน ในค่ำคืนที่ไร้แสงดาว เพลิงสีฟ้าโหมกระหน่ำแรงขึ้นทุกที สิบจอมปราชญ์มิรอช้า ร่ายมนตราทับซ้อนหลายครั้งหลายครา เพื่อผนึกปราณธาตุหายากทั้งหก บนร่างทารกน้อย มู่ตานร่ำร้องเจ็บปวดแทบขาดใจ
อักษรจากแผ่นยันต์เลือด ลอยผ่านเพลิงสีฟ้าได้อย่างง่ายดาย เข้าสู่ร่างทารกน้อย มินานเสียงร่ำไห้ปนสะอื้น ค่อยๆเบาลงพร้อมกับวงเพลิงสีฟ้าที่มอดดับ หนึ่งในสิบจอมปราชญ์ ช้อนร่างทารกขึ้นอุ้ม พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดวงตาสีน้ำหมึกมองสัญลักษณ์ เหนือหว่างคิ้วบนใบหน้าทารกน้อย นั่นหมายความว่าผนึกปราณธาตุได้สำเร็จ แต่มิได้สำเร็จทั้งหกธาตุ กระนั้นปราณธาตุที่เหลืออยู่ มันมิได้มีผลร้ายอันใด
“ ข้าจะพามู่ตานไปให้ลี่เซียนดูแล ” เขาหรืออดีตซือฝุของมู่ตานได้ตัดสินใจแล้ว และจอมปราชญ์ท่านอื่นๆมิได้เอ่ยค้านใดๆ
“ ทะ...ท่านจอมปราชญ์ นั่น! นางมารนะขอรับ ” ยังคงเป็นเสียงจอมยุทธถือไม้กระยาจกเจ้าเก่า เอ่ยคัดค้านเต็มประดา ราวกับเกลียดชังมู่ตานมาร้อยชาติ แต่มีหรือที่สิบจอมปราชญ์จะมิรู้จุดประสงค์ของมัน หากสังหารมู่ตานสำเร็จ เปรียบเสมือนลดจำนวนผู้เยี่ยมยุทธ ที่เป็นอุปสรรคในการปกครองในใต้หล้าได้ ย่อมเป็นการดี “ ควรกำจัด….”
อดีตซือฝุของมู่ตานหรือหนึ่งในสิบจอมปราชญ์ เอ่ยสวนอีกฝ่ายโดยพลัน “ พวกข้าเห็นพ้องต้องกันว่า ควรไว้ชีวิตนาง อีกอย่างมู่ตานเป็นศิษย์ข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่ตัดสินชีวิตของนางได้ ”
ว่าจบสิบจอมปราชญ์ก็จากไปทันที โดยทิ้งซากปะหลักหักพังไว้เบื้องหลัง เนื่องด้วยยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก ส่วนค่าซ่อมบำรุงรักษาอาคาร และสถานที่ทางอารามชิงอวิ๋นจะส่งมาทีหลัง ดังนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการจับนางมารหมื่นพิษในครานี้ จึงมิออกปากโวยวายอันใด
การต่อสู้ระหว่างสิบจอมปราชญ์ และนางมารหมื่นพิษ ต่างเป็นที่จบจำไปชั่วลูกชั่วหลาน ของผู้เฝ้ามองเหตุการทั้งหมด มู่ตานในอ้อมแขนซือฝุ ใบหน้างอง่ำเบ้ปากราวกับจะร้องไห้ หากนางเอ่ยได้คงเอ่ยไปแล้ว ‘ ซือฝุ! ท่านกับตาแกพวกนั้นขี้โกงๆ ได้ยินหรือไม่ซือฝุ ตาเฒ่าขี้โกง ”
แววตาเคืองโกรธผสมความน้อยใจ มู่ตานมิได้เกลียดชังซือฝุ เพราะถึงอย่างไรซือฝุก็เลี้ยงนางมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เริ่มนางจึงมิเลือกปะทะ แต่เลือกที่จะหนี ด้วยความที่มิอยากเป็นคนเนรคุณ ใบหน้าทารกน้อยในยามนี้ แทบทำให้เขากั้นขำไว้มิออก ยกนิ้วชี้จิ้มแก้มป่องๆด้วยความหมั่นเขี้ยว นางทำผิดมหันต์แล้วยังมิสำนึกอีก แต่เพราะไม่มีสิ่งใด มาพรากความตายไปจากมู่ตานได้
เมื่อนางเป็นทารกอีกครั้ง เขาจึงเลือกที่จะผนึกปราณธาตุเอาไว้ เป็นทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด การกระทำของเขาในครานี้ มิต่างจากการพรวนดินหว่านเมล็ด ให้ดอกมู่ตานกลับมาเจริญงอกงามดังเดิม เพิ่มเติมคือนางมิใช่ผู้เยี่ยมยุทธอีกต่อไป
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/822540319416257927/
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้าหญิงโรงศพ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้าหญิงโรงศพ
ความคิดเห็น